ในการเลือกซื้อ โต๊ะทำงาน สักตัว ไม่ใช่แค่ดูดีหรือเข้ากับสไตล์ห้องเพียงอย่างเดียว แต่ความทนทาน การใช้งานที่ยาวนาน และความคุ้มค่าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน วัสดุที่ใช้ทำโต๊ะมีหลากหลายประเภท แต่ละแบบมีจุดเด่น ข้อดีข้อเสีย และราคาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นบทความนี้จะช่วยคุณทำความเข้าใจเพื่อเลือก โต๊ะทำงาน ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานและความคุ้มค่า

1. วัสดุไม้จริง แข็งแรงและหรูหรา

ไม้จริงถือเป็นวัสดุยอดนิยมในการทำ โต๊ะทำงาน มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นคือความแข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน และให้ความรู้สึกอบอุ่น หรูหรา เหมาะกับผู้ที่ชอบความเป็นธรรมชาติและต้องการความมั่นคงในระยะยาว

ข้อดีของโต๊ะทำงานไม้จริง

• ทนทานต่อแรงกด แรงกระแทก
• อายุการใช้งานนานหลายสิบปี
• มีลวดลายไม้สวยงาม เป็นธรรมชาติ

ข้อควรระวัง

• มีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก
• ราคาสูงกว่าวัสดุประเภทอื่น
• อาจเสียหายจากปลวกหรือความชื้น หากดูแลไม่ดี

2. วัสดุไม้ MDF และไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ราคาย่อมเยา

สำหรับใครที่ต้องการ โต๊ะทำงาน ที่ราคาไม่สูงมาก วัสดุอย่าง MDF หรือปาร์ติเกิลบอร์ดถือว่าเหมาะสม ผลิตจากเศษไม้บดอัดผสมกาวและเคลือบผิวด้วยเมลามีนหรือวีเนียร์ เพื่อให้ดูเหมือนไม้จริง

ข้อดีของโต๊ะทำงาน MDF/ปาร์ติเกิลบอร์ด

• ราคาประหยัด เหมาะกับผู้ที่มีงบจำกัด
• มีดีไซน์หลากหลาย เคลือบผิวให้เหมือนไม้จริงได้
• น้ำหนักเบากว่าไม้จริง เคลื่อนย้ายสะดวก

ข้อควรระวัง

• ไม่ทนชื้น หากโดนน้ำอาจบวมพองได้
• อายุการใช้งานสั้นกว่าไม้จริง
• ไม่เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักมาก

3. วัสดุโลหะ แข็งแรงและทันสมัย

โต๊ะทำงานที่ใช้โครงสร้างหรือพื้นผิวจากโลหะ มักถูกออกแบบให้มีความทันสมัยและแข็งแรง ทนทานต่อแรงกดได้ดี อีกทั้งยังเหมาะกับสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์นและอุตสาหกรรม

ข้อดีของโต๊ะทำงานโลหะ

• โครงสร้างแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้มาก
• ทนทานต่อความชื้น ไม่บวมหรือพอง
• ทำความสะอาดง่าย

ข้อควรระวัง

• อาจมีน้ำหนักมาก
• หากไม่เคลือบกันสนิม อาจเกิดสนิมเมื่อโดนน้ำ
• ดีไซน์บางแบบอาจดูแข็งกระด้าง ไม่เหมาะกับทุกสไตล์ห้อง

4. วัสดุกระจก หรูหราและทันสมัย

หากต้องการความหรูหราและโปร่งโล่ง โต๊ะทำงาน ที่ทำจากกระจกถือว่าเหมาะสม เหมาะกับการตกแต่งสำนักงานหรือห้องทำงานสมัยใหม่

ข้อดีของโต๊ะทำงานกระจก

• ให้ความรู้สึกโปร่ง เบา สบายตา
• ดีไซน์ทันสมัย ดูหรูหรา
• ทำความสะอาดง่าย

ข้อควรระวัง

• เสี่ยงต่อการแตกหรือร้าว แม้ใช้กระจกนิรภัย
• อาจเห็นรอยเปื้อนและฝุ่นง่าย
• ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงกดมาก

5. วัสดุพลาสติก น้ำหนักเบาและราคาประหยัด

แม้จะไม่ใช่วัสดุที่นิยมที่สุด แต่โต๊ะพลาสติกก็มีข้อดีในด้านราคาที่ถูกและน้ำหนักเบา เหมาะกับการใช้งานชั่วคราวหรือพื้นที่ที่ต้องการความคล่องตัว

ข้อดีของโต๊ะทำงานพลาสติก

• น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
• ราคาย่อมเยา
• ไม่ขึ้นสนิม และทนชื้น

ข้อควรระวัง

• ไม่แข็งแรงเท่าวัสดุอื่น
• อายุการใช้งานสั้น
• ดีไซน์ค่อนข้างจำกัด

สรุป: เลือกโต๊ะทำงานแบบไหนให้คุ้มค่า

การเลือก โต๊ะทำงาน ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และสไตล์การใช้งาน หากต้องการความแข็งแรงและใช้งานได้ยาวนาน ไม้จริงหรือโลหะคือคำตอบ แต่ถ้างบจำกัด MDF หรือปาร์ติเกิลบอร์ดก็ถือว่าเหมาะสม ส่วนกระจกและพลาสติกเหมาะกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสวยงาม น้ำหนักเบา และราคาประหยัด

สุดท้าย ควรเลือก โต๊ะทำงาน ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังทำให้พื้นที่ทำงานดูดีขึ้นและใช้งานได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว

การเลือก โต๊ะทำงาน ที่เหมาะสมสำหรับเด็กนักเรียนและนักศึกษาไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์ แต่ส่งผลต่อสมาธิ การนั่งเรียน และสุขภาพในระยะยาวด้วย บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้เทคนิคที่ช่วยให้เลือกโต๊ะได้อย่างคุ้มค่าและตรงจุด

1. ความสำคัญของโต๊ะทำงานที่เหมาะสม

การจัดมุม โต๊ะทำงาน ที่ดีช่วยสร้างวินัยและความเป็นระเบียบ ทำให้เด็กสามารถโฟกัสกับบทเรียนได้มากขึ้น ลดสิ่งรบกวนจากสิ่งแวดล้อม

2. ขนาดของโต๊ะต้องพอดีตัว

เลือกโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการปวดหลัง ปวดคอ และท่านั่งผิดปกติในระยะยาว

3. ฟังก์ชันและพื้นที่จัดเก็บ

โต๊ะควรมีลิ้นชัก ที่แขวนกระเป๋า และพื้นที่วางหนังสือ เพื่อช่วยให้จัดระเบียบของได้ง่ายขึ้น

4. วัสดุปลอดภัยและทนทาน

ควรเลือกโต๊ะที่ทำจากไม้ MDF หรือไม้จริงที่ไม่มีสารพิษ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก

5. สีของโต๊ะมีผลต่ออารมณ์

สีโทนอ่อนอย่างขาว ฟ้าอ่อน หรือครีม ช่วยให้สมองผ่อนคลาย เหมาะกับการเรียนรู้

6. แสงสว่างรอบโต๊ะ

แสงธรรมชาติหรือโคมไฟคุณภาพดีมีผลต่อสุขภาพสายตาและความตั้งใจในการเรียน

7. เลือกเก้าอี้ที่เข้ากับโต๊ะ

เก้าอี้ควรมีพนักพิง รองรับหลัง และปรับระดับได้ เพื่อรองรับสรีระเด็ก

8. เลือกตามพฤติกรรมการเรียน

เด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์ควรเลือกโต๊ะที่มีช่องเก็บสายไฟหรือที่วางจอคอมพิวเตอร์

9. งบประมาณกับความคุ้มค่า

ควรเปรียบเทียบหลายรุ่นก่อนตัดสินใจ เพื่อได้ โต๊ะทำงาน ที่คุ้มค่าและทนทาน

10. โต๊ะทำงานแนะนำ

• โต๊ะไม้ธรรมชาติแบบปรับระดับ
• โต๊ะพร้อมชั้นวางหนังสือ
• โต๊ะคอมพิวเตอร์พร้อมช่องเก็บสาย

การเลือก โต๊ะทำงาน ที่ดีไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่คือการลงทุนในอนาคตของเด็ก ที่จะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ เติบโต และมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน

การเลือกโต๊ะทำงานเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการเลือกซื้อเตียงนอน หรือเฟอร์นิเจอร์และของใช้อื่นๆ เพราะคุณต้องใช้เวลาอยู่บนโต๊ะทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ วันนี้ออฟฟิศเมทจะมาแนะนำการเลือกซื้อโต๊ะทำงาน ว่าควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งานจริง ทำงานที่บ้านคราวนี้จะได้มีโต๊ะทำงานที่ตอบโจทย์ พร้อมลุยทุกงานได้อย่างไม่สะดุด ไปดูกัน!

โต๊ะทำงานที่เน้นการใช้คอมพิวเตอร์

หากส่วนใหญ่แล้วคุณทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ ควรเลือกโต๊ะที่ดีไซน์มาเพื่อวางโน้ตบุ๊กหรือวางพีซี หากเป็นการใช้งานพีซี สิ่งที่ควรคำนึงต่อมา คือเรื่องของพื้นที่ผิวหน้าโต๊ะหรือพื้นที่ท็อปโต๊ะที่ต้องเพียงพอต่อการวางจอ แป้นพิมพ์ เม้าส์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน

โต๊ะทำงานที่เน้นการทำงานเอกสาร

โต๊ะทำงานที่เหมาะกับการทำงานเอกสาร ควรเป็นโต๊ะทำงานที่มีพื้นที่ท็อปโต๊ะกว้าง เพื่อการวางเอกสาร แฟ้มงานได้อย่างสะดวก และหากต้องการพื้นที่เก็บเอกสารด้วย ควรเลือกโต๊ะทำงานที่มีลิ้นชัก หรือตู้ข้างโต๊ะ

โต๊ะทำงานที่ใช้งานหลายฟังก์ชั่น

สำหรับบางคนที่ใช้โต๊ะทำงานทั้งการวางคอมพิวเตอร์ ทำงานเอกสาร ควรเลือกใช้โต๊ะทำงานที่เป็นรูปทรงตัว L เนื่องจากเป็นโต๊ะทำงานที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอบบริเวณท็อปโต๊ะกว้างพอสำหรับวางโน้ตบุ๊ก หรือคอมพิวเตอร์ และเก็บแฟ้มเอกสารต่างๆ ได้

เลือกโต๊ะทำงานโดยคำนึงถึงอุปกรณ์ที่ต้องวางบนโต๊ะ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ในการเลือกโต๊ะทำงาน คือต้องดูว่าในขณะทำงานคุณเป็นคนใช้งานโต๊ะทำงานแบบไหน บางคนทำงานโดยต้องการพื้นที่ท็อปโต๊ะมากๆ เพื่อสะดวกแก่การวางอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน จะหยิบอะไรมาใช้ก็หยิบได้เลยจากบนโต๊ะ ดังนั้นโต๊ะทำงานของคุณควรจะเป็นต้องที่มีความท็อปโต๊ะกว้างมากพอให้วางอุปกรณ์ทั้งหมดในคราวเดียวกัน แต่หากในขณะทำงาน คุณใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น มีเพียงแค่โน้ตบุ๊กและแก้วกาแฟหนึ่งใบ และไม่ต้องวางของบนโต๊ะทำงานมากนัก คุณควรเลือกโต๊ะทำงานที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่หน้าโต๊ะมากก็ได้

เลือกโต๊ะทำงานตามหลัก Ergonomic

หลายคนให้ความสำคัญกับการเลือกโต๊ะทำงานที่ถูกต้องตามหลัก Ergonomic เพื่อสุขภาพร่างกาย สามารถใช้ปัจจัยเบื้องต้นดังต่อไปนี้ในการเลือกโต๊ะ

โต๊ะทำงานจะต้องมีพื้นที่ใต้โต๊ะเพียงพอให้วางขาและเท้าได้อย่างเพียงพอ คือต้องเป็นโต๊ะทำงานที่มีความสูงจากพื้นพอดีกับผู้ใช้งาน โดยพื้นฐานความสูงของโต๊ะทำงานจะอยู่ที่ 29-30 นิ้ว และกว้างพอให้วางขาได้ ไม่มีตู้หรือสิ่งของมาเบียดในพื้นที่วางขา
สำหรับโต๊ะทำงานที่ผู้ใช้มีการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ควรเลือกโต๊ะทำงานที่มาพร้อมกับแท่นวางคีย์บอร์ด ซึ่งอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ไม่ทำให้วางขาลำบาก และต้องเพียงพอให้วางเม้าส์ด้านข้างได้ด้วย เพราะหากวางคีย์บอร์ดและเม้าส์บนท็อปโต๊ะที่ระดับความสูงปกติ เมื่อใช้งานไปนานๆ จะทำให้ทำงานไม่สะดวกและเกิดอาการปวดเมื่อยได้
ควรเช็กดูบริเวณขอบโต๊ะทำงาน หากโต๊ะทำงานมีขอบโต๊ะที่คมมากๆ ให้หาแผ่นยางหรือแผ่นลองมาวาง เพื่อลดการกดทับบริเวณแขนและมือ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ

เลือกโต๊ะทำงานตามผิวหน้าท็อปโต๊ะ

การใช้งานโต๊ะทำงานหรือโต๊ะอื่นๆ บริเวณที่เราใช้งานโดยตรงและเป็นส่วนหลักของโต๊ะก็คือ ท็อปโต๊ะหรือหน้าโต๊ะนั่นเอง ดังนั้นจึงควรใช้ท็อปโต๊ะเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อโต๊ะทำงานเช่นกัน

โต๊ะทำงานท็อปไม้

โต๊ะทำงานท็อปด้วยไม้ สามารถใช้เป็นไม้แผ่นใหญ่ทั้งแผ่น แต่อาจมีน้ำหนักมากและราคาสูง ใช้เป็นพวกไม้ปาติเกิล ไม้ MDF และไม้อื่นๆ แทนได้เช่นกัน โต๊ะทำงานที่ท็อปด้วยไม้แท้ๆ ทั้งแผ่นจะให้ความรู้สึกอบอุ่น สวยงามและอายุการใช้งานนาน ส่วนไม้ประเภทอื่นๆ ก็มีความทนทาน ทั้งทนความชื้น ทนความร้อนได้เช่นกัน เนื่องจากมีการเคลือบด้วยเมลามีน ลามีเนต หรือ PVC อีกชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและทนรอยขีดข่วน

โต๊ะทำงานท็อปกระจก

โต๊ะทำงานท็อปกระจกเป็นอีกรูปแบบของโต๊ะทำงานที่หลายคนนิยมเลือกใช้ เนื่องจากกระจกมีผิวหน้าเรียบ ทำความสะอาดง่าย และสวยงาม แต่การเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบาก

เลือกโต๊ะทำงานต้องดูคุณภาพของตู้ลิ้นชัก

การเลือกโต๊ะทำงานที่มีส่วนของลิ้นชักหรือตู้เก็บของ ควรทำการตรวจเช็กความแข็งแรงและคุณภาพของตู้ด้วย เนื่องจากจะต้องใช้ตู้หรือลิ้นชักในการเก็บของส่วนตัว หรือเอกสารสำคัญ ตรวจเช็กตู้ข้างโต๊ะและลิ้นชักโดยการลองดึงลิ้นชักออกมาจนสุดความยาว และปิด ดูว่าเปิด-ปิดสะดวกไหม พื้นที่ในลิ้นชักเพียงพอหรือไม่ และวัสดุประกอบตู้ได้คุณภาพรึป่าว สำหรับลิ้นชักที่เป็นเหล็กหรือทำด้วยโลหะสำหรับโต๊ะทำงานบางชนิด ให้ตรวจสอบว่าตอนปิดลิ้นชัก สามารถปิดได้สนิทหรือไม่ หากปิดไม่สนิทแสดงประกอบโต๊ะมาไม่ดีและไม่เรียบร้อย

การรับประกันโต๊ะทำงาน

อีกหนึ่งส่วนที่ใช้ในการพิจารณาเลือกโต๊ะทำงาน คือการดูว่าโต๊ะทำงานมีการรับประกันสินค้าหรือไม่ รับประกันกี่ปี และรับประกันส่วนไหนบ้าง ควรสอบถามร้านขายโต๊ะทำงานให้แน่ชัดก่อนการเลือกซื้อทุกครั้ง

หากใครที่กำลังมองหาโต๊ะทำงานสำหรับทำงานที่บ้าน สามารถเลือกซื้อโต๊ะทำงานได้ที่เว็บไซต์ OfficeMate เรามีโต๊ะทำงานดีไซน์สวยหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงเก้าอี้นั่งทำงาน รอให้คุณเลือกช้อปไปมิกซ์แอนด์แมทช์ เนรมิตมุมทำงานที่บ้าน พร้อมรับประกันนาน 1 ปี! (เงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด)

ทำงานที่บ้านให้ได้งาน เพิ่มประสิทธิภาพให้เต็มร้อย ด้วยไอเทมต้องมีสำหรับทำงานที่บ้าน คลิก! งานเดิน ลื่นไหล ไม่สะดุด! ด้วย Must have Item สำหรับคน Work From Home