เลือกเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้เหมาะสมกับตัวเราได้อย่างไร

เวลาซื้อรถยนต์ราคาแพงๆ ก็เหมือนคุณกำลังลงทุนในรูปแบบของพาหนะขนส่ง ซึ่งก็ไม่แปลกที่คุณอยากจะปกป้องรักษาการลงทุนนี้ไว้โดยการใช้บริการประกันรถยนต์ โดยส่วนมาก แต่ละประเทศจะมีประกันรถยนต์ภาคบังคับที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน หรือชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และหากกรมธรรม์ประกันของคุณคุ้มครองมากเท่าไร คุณก็จะได้รับความสบายใจมากขึ้นเท่านั้น

การเลือกเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่เหมาะสมจากผู้ให้บริการที่ใช้อาจจะยากสักหน่อย เนื่องจากมีหลายอย่างที่คุณต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ โดยคุณต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ความคุ้มครอง ข้อจำกัดความคุ้มครอง เบี้ยประกัน ค่าเสียหายส่วนแรก การบริการและขั้นตอนของการเคลมประกัน และความมั่นคงของบริษัทประกัน

ข้อจำกัดความคุ้มครอง

แน่นอนว่ากรมธรรม์ประกันคงไม่สามารถให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการได้ กฎต่างๆมีข้อยกเว้นเสมอ สำหรับกรณีประกันรถยนต์เราเรียกว่า ข้อจำกัดความคุ้มครอง ตัวอย่างเช่น ความคุ้มครองสำหรับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อาจไม่ได้รวมอยู่ในประกันรถยนต์ของคุณ ประกันของคุณอาจไม่คุ้มครองอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ หรือความเสียหายใดๆ เมื่อเจ้าของรถคันที่เอาประกันไม่ได้เป็นคนขับ

เมื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์หรือมองหาประกันรถยนต์ คุณควรเช็คว่ามีข้อจำกัดความคุ้มครองอะไรบ้าง บางทีประกันรถยนต์ที่คุณสนใจอาจไม่คุ้มครองสิ่งที่คุณต้องการ

เบี้ยประกันรถยนต์

จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายสำหรับประกัน เรียกว่า เบี้ยประกันรถยนต์ แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เพราะว่าคนที่มีรถแต่ละคนไม่เหมือนกัน หนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ที่กำลังทำประกันรถยนต์อาจต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์แพงกว่าพนักงานบริษัทวัยกลางคน เนื่องจากคนขับรถที่อายุน้อยมีความเสี่ยงเรื่องอุบัติเหตุสูงกว่าคนขับที่มีประสบการณ์มากกว่า

แน่นอนว่า เบี้ยประกันของคุณขึ้นอยู่กับธนาคารด้วย ธนาคารหรือบริษัทที่คุณทำประกันรถยนต์ด้วยจะเป็นผู้กำหนดดอกเบี้ยของเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถคุณ รวมถึงปีที่ผลิต และอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์ พยายามให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเมื่อต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถของคุณ

ค่าเสียหายส่วนแรก

ค่าเสียหายส่วนแรกคือจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายจากกระเป๋าตนเองก่อนหรือหลังผู้ให้ประกันรถยนต์จ่ายค่าเสียหายส่วนที่เหลือ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณจะเคลมความเสียหายรถของคุณ ด้วยวงเงินความคุ้มครองอยู่ที่ 100,000 บาท อาจมีค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ซึ่งหมายความว่า คุณต้องจ่ายค่าความเสียหายรถเป็นเงิน 2,000 บาท ส่วนที่เหลือบริษัทประกันจะรับผิดชอบ แต่หากเป็นกรณีค่าเสียหายทั้งหมดมากกว่าวงเงินความคุ้มครอง เช่น ค่าเสียหายทั้งหมด 110,000 บาท ในขณะที่ความคุ้มครองสูงสุดของประกันรถยนต์คุณอยู่ที่ 100,000 บาท คุณจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาทที่เกินมา รวมเป็นเงินที่คุณต้องจ่ายทั้งหมด 12,000 บาท

คุณควรเช็คกรมธรรม์ในประกันรถยนต์ที่คุณกำลังพิจารณาอยู่ด้วย จำไว้ว่ายิ่งค่าเสียหายส่วนแรกน้อย ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็จะยิ่งสูง

การบริการและขั้นตอนของการเคลมประกัน

สำหรับข้อนี้คุณอาจจะต้องสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตและเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเคลมประกันกับบริษัทที่คุณแพลนจะทำประกันด้วยว่า การทำเรื่องเคลมและรับการยืนยันมีความยากง่ายขนาดไหน เนื่องจากขั้นตอนการเคลมอาจจะมีระบุในเว็บไซต์ของบริษัทประกันแต่อาจแตกต่างจากความเป็นจริงก็ได้

ประสบการณ์ของคนอื่นๆในการทำเรื่องและรับการยืนยันจะบอกคุณได้ว่าบริษัทประกันหรือธนาคารนั้นปฎิบัติต่อลูกค้าอย่างไร คุณก็คงอยากได้บริษัทประกันที่ดูแลลูกค้าดี ให้บริการและขั้นตอนการเคลมที่ชัดเจนและราบรื่นใช่ไหมล่ะ

ความมั่นคงของบริษัทประกัน

เมื่อคุณได้ประกันรถยนต์ที่สนใจอยากทำประกันด้วยแล้วสักสองสามที่ในใจ ลองถามตัวเองเกี่ยวกับผู้ให้ประกันดูว่า บริษัทนี้มั่นคงไหม เป็นบริษัทใหม่หรือเปล่า และบริษัทนี้กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและเสี่ยงต่อการล้มละลายหรือเปล่า

คุณต้องเช็คจนแน่ใจว่าบริษัทประกันรถยนต์ที่คุณกำลังจะสมัครนั้นเชื่อถือได้! คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินเปล่าให้กับบริษัทประกันที่อาจไม่คืนเงินให้คุณได้ทั้งหมดหลังล้มละลายไป

ข้อมูลที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกประกันรถยนต์อาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อย แต่การรู้ว่าจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์อะไรและควรมองหาอะไรในการเลือกประกันรถยนต์จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา เงิน และแรงกายด้วย คุณจะได้นำเงินนั้นไปใช้กับสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอย่างเช่น ครอบครัวของคุณ