อาการปวดหลัง : สาเหตุจากเก้าอี้สํานักงาน
การนั่งเก้าอี้ทำงานทั้งวันโดยไม่ได้คำนึงถึงส่วนโค้งส่วนเว้าของพนักพิง เก้าอี้จะบังคับให้กระดูกสันหลังอยู่ในท่าที่ผิดธรรมชาติตลอดเวลา
เก้าอี้ที่ทำให้ปวดหลังมากที่สุดเห็นจะเป็นเก้าอี้พนักพิงสูงอันเห็นอยู่ทั่วๆ ไปว่าเป็นเก้าอี้ระดับผู้บริหาร การใช้พนักพิงสูงๆเป็นการแสดงอำนาจเช่นนั้นเท่ากับเป็นการทรมานหลังของผู้นั่ง ความสูงของพนักจะกดกระดูกสันหลังให้อยู่ในท่าค่อมทั้งวันทำให้เกิดอาการบวมของเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณหลัง
ลองสำรวจเก้าอี้ที่นั่งทั้งวันดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเก้าอี้ที่นั่งเป็น “เก้าอี้ผู้จัดการ” พนักสูงเลยศีรษะ ให้เปลี่ยนเสีย อาการปวดหลังจะหายไปเองเก้าอี้ที่เหมาะสำหรับการนั่งทำงานที่มีพนักพยุงตรงแผ่นหลังพอดี คล้ายกับเก้าอี้ของพนักงานพิมพ์ดีด แต่ควรเป็นเก้าอี้ที่มีพนักเท้าแขน ซึ่งเป็นเก้าอี้สำนักงานที่มีขายโดยทั่วไป การเลือกเก้าอี้ต้องลองนั่งดูว่าสปริงของพนักหลังแข็งไหม เก้าอี้ที่พิงแล้วยวบไปข้างหลังจะไม่พยุงหลังของเราได้ดี ไม่ควรใช้
อนึ่งเก้าอี้สํานักงานควรมีล้อ เพราะจะได้สะดวกในการเคลื่อนตัว ถ้าหาเก้าอี้ที่ถูกใจไม่ได้ มีอีกวิธีหนึ่งคือต้องไปซื้อหมอนพิงพิเศษซึ่งเป็นหมอนพิงทางกายภาพบำบัด มีรอบเว้นตรงกลาง สองข้างคล้ายมีปีกน้อยๆ มาผูกติดกับเก้าอี้ไว้จะช่วยได้มาก
เก้าอี้ในรถยนต์ ก็เช่นเดียวกันกับเก้าอี้ทำงานเพราะเราต้องนั่งติดที่เป็นเวลานาน ปัจจุบันรถติดเป็นชั่วโมงๆ การนั่งอยู่ในท่าเดียวเช้าครั้งเย็นครั้งอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหลัง ดังนั้นการเลื่อนเบาะให้สูงต่ำ เลื่อนหน้าถอยออกให้อยู่ในท่าสบายพอดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนซื้อรถอาจจะต้องลองนั่งดูก่อน ทีนี้ถ้ามีรถอยู่แล้วควรเริ่มด้วยการสำรวจเบาะนั่งในรถยนต์ดังนี้ พนักของเบาะควรพยุงหลังได้พอเหมาะและรับกับรูปโค้งของหลัง ถ้านั่งแล้วสามารถเอามือสอดเข้าไปข้างหลังได้แสดงว่าพนักพิงไม่เหมาะ นั่งนานๆ จะปวดหลัง ควรหาหมอนพิงนิ่มๆ ใบเล็กหรือใหญ่ก็ได้เท่ากับที่สอดเข้าไปแล้วนั่งสบายพอดีๆ หรืออาจจะซื้อหมอนพิงทางกายภาพมาใช้
ต่อไปเป็นความสูงของเบาะ ความสูงของเบาะที่พอดี คือ เบาะที่นั่งแล้วเข่าไม่ลอยจากพื้น นั่นคือ เบาะควรพยุงขาไปจนถึงข้อพับ
ถ้ามีปัญหาปวดหลังอยู่แล้วควรพิจารณาใช้รถเกียร์อัตโนมัติเพื่อผ่อนเบาการใช้กล้ามเนื้อขาและหลังในการเหยียบครัช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลารถติด